นางวิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขต 11 (ภูเก็ต พังงา กระบี่) และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่พักขนาดเล็ก หรือบูติก ว่า หลังจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และทีมจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้แก้ไขกฎหมายโรงแรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เนื่องจากมีที่พักขนาดเล็กจำนวนมากประสบกับปัญหาไม่สามารถขอจดทะเบียนอนุญาตเป็นโรงแรมได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 ได้ ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจ เพราะไม่สามารถยื่นขอกู้จากสถานบันการเงินได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องการเม็ดเงินมาใช้ขับเคลื่อนการประกอบธุรกิจหลังจากต้องเจอกับวิกฤตโควิด-19 มาเป็นเวลาร่วม 3 ปี
“นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งในความพยายามของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก เพราะทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญและเร่งรัดการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม โดยเมื่อช่วงต้นเดือดมีนาคมที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) ได้ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก 3 ฉบับ โดยอยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการได้ และจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เพราะจะตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักระยะยาว และหากสามารถเปิดให้บริการได้อย่างถูกต้องจะช่วยเติมเต็มนักท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมายที่สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยวางไว้ในปี 2566 จำนวน 30 ล้านคน” นางวิรินทร์ตรากล่าว

ด้านนายมโนสิทธิ์ แจ้งจบ ที่ปรึกษาสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการที่พักบูติกทั่วประเทศ 10 จังหวัด ได้รวมตัวกันตั้งแต่ปี 2561 ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แก้กฎหมายโรงแรมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2547 และค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสเข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยมาดูแลในเรื่องอย่างจริงจัง และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ผ่านความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจที่พัก 3 ฉบับ ซึ่งจะทำให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถยื่นขออนุญาตประกอบกิจการได้อย่างถูกต้อง

โดยร่างกฎกระทรวงที่ผ่านความเห็นชอบ ได้แก่เป็นกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงฯ ฉบับปี 2551 เกี่ยวกับการควบคุมที่พักขนาดประมาณ 1-8 ห้อง พักได้ไม่เกิน 30 คน กับ ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. …. และร่างกฎกระทรวง กำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม

ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างรอประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขณะที่ผู้ประกอบการเองมีการเตรียมความพร้อม เพื่อรับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป โดยเฉพาะหลังจากการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้งหลังโควิด-19 นายมโนสิทธิ์กล่าว


