ข่าวสังคม » สมาคมกัญชาภูเก็ต ประกาศเจตนารมณ์พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมกัญชาอย่างเคร่งครัด

สมาคมกัญชาภูเก็ต ประกาศเจตนารมณ์พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมกัญชาอย่างเคร่งครัด

6 กรกฎาคม 2023
626   0

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ที่ห้องประชุมบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด (PKCD) ตำบลวิชิต อ.เมือง ภูเก็ตสมาคมกัญชาภูเก็ต โดยนายปูรณ์วริทธิ์ หวังภัทราวานิช นายกสมาคมฯ ลงนามประกาศเจตจำนง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ที่เกี่ยวกับกัญชาสูงสุด โดยมีนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก, นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, นายสมสุข สัมพันธ์ประทีป รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และนายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมีผู้ประกอบการร้านกัญชาซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมฯ  เข้าร่วม

นายปูรณ์วริทธิ์ หวังภัทราวานิช นายกสมาคมกัญชาภูเก็ต กล่าวว่า การประกาศเจตจำนงของสมาคมกัญชาภูเก็ต ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กัญชาในจังหวัดภูเก็ตจำนวนประมาณ 300-400 คน  เพื่อต้องการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายซึ่งมีการบังคับใช้อยู่แล้ว  ทั้งการไม่จำหน่ายกัญชาให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีและสตรีมีครรภ์, ไม่จำหน่ายกัญชาที่ไม่มีใบรับรองของผู้ผลิต (COA) ที่แสดงรายละเอียดผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ และไม่มีใบอนุญาต, จำหน่ายกัญชาที่มีผลการตรวจวิเคราะห์สารสำคัญ สารปนเปื้อน และโลหะหนัก จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025,

ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและการว่าจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย, รณรงค์ให้ฟาร์มกัญชามีการเรียนรู้และพัฒนาเพื่อให้ฟาร์มมุ่งสู่มาตรฐานสากล GAP หรือ GACP เป็นต้น, จะจัดทำรายงานการจำหน่ายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ตามที่กฎหมายกำหนด ส่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นประจำทุกเดือน, จะรณรงค์ให้ผู้ประกอบการทุกท่านมีส่วนร่วมในการจัดทำแนวทางและพัฒนากัญชาให้มีศักยภาพในระดับอุตสาหกรรม และจะเป็นองค์กรที่ให้ความรู้ ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

“การประกาศเจตจำนงของสมาคมกัญชาฯ นั้น เพื่อต้องการผลักดันให้กัญชาสู่มาตรฐานอุตสาหกรรมให้ได้ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ถึงจุดนั้น  ซึ่งคาดหวังสิ่งที่ดำเนินทั้งในปัจจุบันและอนาคต จะทำให้กัญชามีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นทั้งต่อคนไทยและชาวต่างชาติ เพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยต่อไป โดยขณะนี้ในจังหวัดภูเก็ตมีใบอนุญาตให้จำหน่ายกัญชาแล้วกว่า 1,500 ราย แต่เปิดบริการจริงๆ ประมาณ 700-800 ร้าน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันผลักดันให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด และปราบปรามการปฎิบัติที่ไม่ถูกต้อง” นายปูรณ์วริทธิ์กล่าว

ด้านนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการกัญชาในจังหวัดภูเก็ตได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นสมาคมฯ และประกาศเจตนารมณ์ในการช่วยกันกำกับดูแลให้การจำหน่ายกัญชาเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะขณะนี้สังคมยังมีความกังวล  โดยระเบียบกระทรวงสาธารณสุขพยายามที่จะใช้กฎหมายที่มีอยู่มากำกับดูแล เช่น การประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครองภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย เป็นต้น

ซึ่งผู้ที่จะจำหน่ายกัญชาจะต้องขออนุญาตและมีเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามในช่วงที่มีการจำหน่าย เช่น ห้ามจำหน่ายให้กลุ่มเปราะบาง ห้ามสูบในร้าน ห้ามโฆษณา ห้ามจำหน่ายในหอพัก สวนสาธารณะ เป็นต้น และที่สำคัญ คือจะต้องจัดส่งรายงานแหล่งที่มาและจำหน่ายให้ใครบ้างในรายบุคคล โดยที่ผ่านมามีการกำกับกันอยู่ ในช่วงเริ่มต้น ได้มีการอลุ่มอล่วยมาระยะหนึ่งแล้ว อาจจะมีความยุ่งยากเล็กน้อยในเรื่องการดำเนินการ แต่ขณะนี้ได้มีการทำระบบการรายงานไว้พร้อมแล้ว และให้เวลาผู้ประกอบการมาระยะหนึ่งแล้ว

หลังจากนี้หากผู้ประกอบการรายใดไม่ส่งรายงานจะดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะถูกพักใช้ใบอนุญาตและหากยังฝ่าฝืนจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตปิดร้านทันที ไม่สามารถมาขอใบอนุญาตเป็นเวลา 2 ปี จึงฝากผู้ประกอบการทุกคนต้องช่วยกันดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด อย่างที่กระทรวงฯ ได้พูดมาตลอดว่า กัญชาต้องมีกฎหมายมาควบคุม ซึ่งที่เป็นรูปธรรมคือ กฎหมายกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ยังมีกฎหมาย อย. และกฎหมายกรมอนามัย

นายแพทย์ธงชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ประกอบการร้านกัญชานั้น ขณะนี้ทั่วประเทศที่มีใบอนุญาตแล้วมีกว่า 10,000 ราย มากสุดคือ กรุงเทพฯ รองลงมาภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดและส่งดำเนินคดีไปแล้ว 60 ราย โดยครึ่งหนึ่งถูกตัดสินจำคุก และทั้งจำทั้งปรับ แม้จะเป็นการรอลงอาญา แต่มีประวัติว่าเคยถูกดำเนินคดีและรอลงอาญา นอกจากนี้ยังมีการพักใช้ใบอนุญาตไปแล้วประมาณ 60-70 ราย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางผู้ประกอบการมารวมตัวกันเป็นสมาคมฯ และมาช่วยกันกำกับดูแล จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และจะลดความกังวลของสังคม

error: Content is protected !!