เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 บริษัท เอบีซี ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด เจ้าของโครงการโมนิทาเรีย วิลล่าส์ โดยนายสมชาติ สกุลจิตจินดา, นางสาวเพียวชนนี แสงทรัพย์ทวี, นายสุขุม อนงค์เลข และมานิสรา จิรวิศิษฐาภรณ์ กรรมการบริหารโครงการ พร้อมด้วยนายสุรพล เฉลยอาสน์ สถาปนิก, นางสาวนภาวรรณ รำพิวิทยา ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด และนางสาวอุมาพร ดอกเทียน ผู้จัดการฝ่ายขายโครงการโมนิทาเรีย วิลล่า

จัดงาน Agents Day สำหรับ Pre-Sale โครงการโมนิทาเรีย วิลล่าส์ บนทำเลศักยภาพของภูเก็ตซึ่งบริหารงานโดยคนไทยที่มีประสบการณ์โดดเด่นในแต่ละส่วน เพื่อนำเสนอโครงการสู่ผู้สนใจและนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ภายในงานยังได้มีการประกาศราคาโปรโมชั่นพิเศษ 2 หลัง ได้แก่ Type A ราคาเพียง 15.9 ล้านบาท และ Type B ราคาเพียง 22.9 ล้านบาท

สำหรับโครงการโมนิทาเรีย วิลล่าส์ เป็นโครงการวิลล่าหรู มีจำนวน 35 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ พร้อมคลับเฮ้าส์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น IOT ระบบ Smart Living, Co-working space, ร้านกาแฟ, ฟิตเนส, สนามกีฬาภายนอก Pickleball, พื้นที่สีเขียวนั่งเล่นในสวน, ระบบความปลอดภัย Smart Security และถนนหน้าบ้านกว้าง 8 – 12 เมตร โดดเด่นด้วยศักยภาพของที่ตั้งโครงการและทีมงานบริหาร

มีวิลล่าให้เลือก 2 แบบ คือ Type A 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ Type B 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง และพื้นที่ในบ้านที่กว้างขวางสำหรับการอยู่อาศัยอย่างสะดวกสบาย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการอิสระ ความเงียบสงบที่มาพร้อมความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตทั้งในบ้านที่อยู่อาศัย และใช้เวลาไม่นานในการเดินทางไปยังจุดสำคัญต่างๆ โดยห่างจากตลาดซีฟู้ดราไวย์ เพียง 850 เมตร, ขับรถเพียง 5 นาทีถึงโรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล เดินทางเข้าเมืองภูเก็ตเพียง 17 กิโลเมตร บริหารงานโดยทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์กว่า 10 ปี

นายสมชาติ สกุลจิตจินดา CEO โครงการฯ และนายสุขุม อนงค์เลขา กรรมการฯ กล่าวถึงการลงทุนในโซนพื้นที่ราไวย์ ว่า จากการศึกษาข้อมูลพบว่า ปัจจุบันความต้องการที่อยู่อาศัยเริ่มมีการขยายตัวออกมารอบนอกมากขึ้น และพื้นที่ในโซนเชิงทะเล อ.ถลาง ไม่ว่าจะเป็นลากูน่าหรือลายัน เริ่มเต็มแล้ว หลายโครงการปิดการขยายไป ประกอบกับเรามีที่ดินของตัวเองในโซนราไวย์ซึ่งเป็นอีกโซนที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาต้องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

และจากข้อมูลยังพบว่า ปัจจุบันความต้องที่อยู่อาศัยในลักษณะของวิลล่าเพิ่มมากขึ้น จึงตัดสินใจพัฒนาที่ดินดังกล่าวเป็นที่อยู่อาฯบในรูปแบบของวิลล่า จำนวน 35 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน โดยลูกค้าหลักจะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งกลุ่มที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และลงทุน เนื่องจากจุดเด่นของทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้ทะเล และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง รวมทั้งไม่ไกลจากสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน

“จุดเด่นของโครงการฯ คือ ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินแปลงใหญ่และอยู่ใกล้กับทะเล มีจำนวนวิลล่าไม่มาก ภายในโครงการยังมีคลับเฮาส์ โรงยิม ฟิตเนส และพื้นที่โซนด้านนอก พร้อมกับถนนกว้างถึง 12 เมตร ทั้งนี้ เพื่อสร้างความสะดวกสบายภาย ที่สำคัญคือ ภายในโครงการมีการนำสายไฟฟ้าลงดินทั้งหมด และจะใช้พื้นที่ถึง 40% สำหรับเป็นพื้นที่ส่วนกลาง

นอกจากนี้ยังสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความเป็นกรีนทั้งโครงการฯ การเข้าออกใช้ระบบสแกนผ่านระบบใบหน้า เป็นโครงการฯ ลักชัวร์รี่แห่งแรกและแห่งเดียวในแถบโซนนี้ มีมูลค่าโครงการประมาณ 1 พันล้านบาท โดยจะเริ่มทำการก่อสร้างบ้านตัวอย่างในช่วงต้นปี 2567 และประเมินไว้ว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการภายใน 2 ปี” ผู้บริหารโครงการกล่าว









