หลังจากสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตฟื้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องฟื้นตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เมื่อท่องเที่ยวดีอสังหาริมทรัพย์ก็ดีตามไปด้วย เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาจะมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มทุนในพื้นที่และจากส่วนกลาง หนึ่งในนั้น คือ แบรนด์ “โบทานิก้า ลักซูรี่” ซึ่งครองเจ้าตลาดลักชัวรี่ในโซนเชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัว “โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว” ( Botanica Grand Avenue ) โครงการวิลล่าหรูและใหญ่ที่สุด บนเนื้อที่กว่า 178 ไร่
นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ในจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตเติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่โบทานิก้าฯ มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการลงทุน
รวมถึงการทำตลาดด้วย ประกอบกับที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติ จึงมั่นใจว่าในช่วง 2-3 ปี ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายของโบทานิก้าฯ เองที่ได้รับการตอบรับอย่างดีในทุกๆ โครงการ ดังนั้นแผนการลงทุนโครงการใหม่ในช่วงปลายปี 2566 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 ยังเจาะกลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่จนถึงซุปเปอร์ลักชัวรี่ ในระดับราคาตั้งแต่ 20-150 ล้านบาท
“ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ คือ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดจากที่เคยลงทุนมาในภูเก็ต โดยตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ดินในโซนพรีเมี่ยม บ้านโคกโตนด ซอย 2 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ใกล้กับหาดลายัน เนื้อที่ประมาณ 178 ไร่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยังใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวศูนย์การค้า ร้านอาหารชื่อดัง และไม่ไกลจากสนามบิน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับลักชัวรี่ ซึ่งพบว่าตลาดยังมีความต้องการสูง”
นายอรรถสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว เป็นโครงการมิกซ์ ยูส โปรดักส์ และเป็นโครงการแรกที่มีการลงทุนคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่เข้ามาด้วย ประกอบด้วย ลักชัวรี่วิลล่า พรี่เมี่ยมลักชัวรี่วิลล่าและซุปเปอร์ลักชัวรี่วิลล่า จำนวน 280 หลัง ราคาเริ่มตั้งแต่ 48-180 ล้านบาทส่วนของ ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม จำนวน 268 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 10 – 45 ล้านบาท ส่วนเพนท์เฮ้าส์ ราคา 135 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการรวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก 50% จะเป็นตลาดรัสเซีย นอกจากนั้นยังมีตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และจีนที่กำลังทยอยกลับเข้ามา
“เราตั้งใจที่จะสร้าง “โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว” ให้เป็น “เมืองลักซูรี่” ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จะต้องอัพมูลค่าให้กับภูเก็ตให้ได้มากที่สุด เลือกสร้างงานและโครงการที่มีคุณภาพ เพื่อทำให้ที่ดินมีมูลค่าสูงสุด จึงมุ่งมั่นพัฒนาให้เป็นโครงการที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยสไตล์ แกรนด์ โมเดิร์น ลักชัวรี่ให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ความสงบ และการอยู่อาศัยระดับไฮเอนด์
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ศูนย์การค้าขนาดเล็ก ร้านอาหาร และศูนย์ดูแลสุขภาพ สปา ลู่วิ่ง สระว่ายน้ำ เป็นต้น ขณะเดียวกันก็สนับสนุนเศรษฐกิจขนาดย่อยในชุมชนผ่านการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังส่งผลเชิงบวกต่อภูมิทัศน์ของจังหวัดภูเก็ต และจากการเปิดฟรีเซลมียอดจองเกินกว่าที่วางไว้ ทั้งในส่วนของลักชัวรี่วิลล่า และคอนโดมีเนียมลักชัวรี่”
นายอรรถสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของโครงการอื่นๆ ที่ทำตลาดอยู่ในขณะนี้ เช่น โครงการ โบทานิก้า โฟร์ซีชั่น บนเนื้อที่กว่า 170 ไร่ ราคา 20-30 ล้านบาท, โครงการโบทานิก้า ฟลอเรสต้า วิลล่าระดับพรีเมี่ยม ราคา 30-40 ล้านบาท, โครงการซุปเปอร์ลักซูรี่ ในพื้นที่อ่าวปอและกมลา ด้วยเป็นที่ดินบีชฟ้อร์ท โอเชี่ยนวิว จะพัฒนาให้เป็นท็อปสุดของโบทานิก้า ราคาเริ่มต้น 150-400 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการร่วมทุนกับกลุ่มมอนท์เอซัวร์เพื่อพัฒนาพื้นที่ด้านหลังโรงแรมอินเตอร์คอนฯ กมลา ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลและสงบ เจาะกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่อการลงทุนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามนายอรรถสิทธิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดไฮเอนด์ ทั้งระดับลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่ นอกจากเป็นที่สนใจของลูกค้าแล้ว ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งนักลงทุนท้องถิ่นและจากส่วนกลาง จึงทำให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยกให้เป็นเดสติเนชั่นของการพักผ่อนในระยะยาว และเป็นเมืองยอดนิยมที่ชาวต่างชาติอยากมาเกษียณมากที่สุด จึงทำให้ความต้องการบ้านหลังที่ 2 ตามมาด้วย “
