ข่าวสังคม » มูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องเป็นปีที่ 28 จำนวน 23 ทุน

มูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องเป็นปีที่ 28 จำนวน 23 ทุน

1 พฤศจิกายน 2024
206   0

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่บ้านวานิช ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ประธานมูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช เป็นประธานมอบทุนการศึกษามูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช ให้แก่นักเรียนนักศึกษา ครั้งที่ 28 ประจำปี 2567 โดยมีครอบครัววานิช, ผู้บริหารสถานศึกษา, ผู้ปกครอง ตลอดจนนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วม

นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ประธานมูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช กล่าวว่า มูลนิธิ บุญรอด-เอกพจน์ วานิช เกิดขึ้นจากการดำริของคุณแม่บุญรอดที่ต้องการสละทรัพย์จัดตั้งเป็นกองทุนการศึกษาให้แก่เด็กในจังหวัดภูเก็ตที่มีความประสงค์จะศึกษาเล่าเรียน แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาสได้ศึกษาต่อ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เยาวชนของชาติ ให้เป็นผู้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งร่างกาย จิตใจ และ สติปัญญา

จึงได้จัดตั้งมูลนิธิบุญรอด-เอกพจน์ วานิช  ขึ้น เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2539 เพื่อจัดสรรทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ส่งเสริมงานวัฒนธรรม  ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยเริ่มมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน  มีความประพฤติเรียบร้อย แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

ทั้งนี้ได้เริ่มมอบทุนตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 จนถึงปัจจุบันรวม 27 ครั้ง จำนวน 679 ทุน เป็นเงิน 2,528,000 บาท สำหรับปี 2567 มีเยาวชนที่ได้รับทุนจากมูลนิธิคุณแม่บุญรอด – เอกพจน์ วานิช ทั้งหมด 23 ทุน ประกอบด้วย เด็กซึ่งอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ และมีคุณสมบัติตามที่มูลนิธิฯ กำหนดไว้ โดยจะได้รับการดูแลจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และเยาวชนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับอุคมศึกษา ซึ่งมีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

นางอัญชลี กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตามที่ได้ตั้งใจไว้อย่างเต็มที่ มีความอดทน มานะ อุตสาหะ ตั้งใจจริงพร้อมฝ่าฟันอุปสรรด และสร้างความสำเร็จให้ตนเอง เพื่อที่จะจบการศึกษาออกไป และเป็นพลเมืองที่ดีของชาติบ้านเมืองต่อไป ในโอกาสนี้ใคร่ขออัญเชิญพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มารับทุนในวันนี้  การศึกษา ต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน คือ

1.มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ต้องมีความรู้ ความเข้าใจที่มีต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความเอื้ออาทรต่อครอบครัว และ ชุมชนของตน 2.มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม ให้รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด ที่ถูก สิ่งชั่ว สิ่งดี เพื่อปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบที่ดีงาม ปฏิเสธสิ่งที่ผิดที่ชั่ว เพื่อสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง 3.มีงานทำ มีอาชีพ ต้องให้เด็กรักงาน สู้งาน ทำงานจนสำเร็จ อบรมให้เรียนรู้การทำงานให้สามารถเลี้ยงตัว และเลี้ยงครอบครัวได้ 4.เป็นพลเมืองดี การเป็นพลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน สถานศึกษาและสถานประกอบการต้องเสริมให้ทุกคนมีโอกาส ทำหน้าที่พลเมืองดี การเป็นพลเมืองดีหมายถึงการมีน้ำใจ เอื้ออาทร ต้องทำงานอาสาสมัคร งานบำเพ็ญประโยชน์ เห็นอะไรที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ

พร้อมกันนี้ทางตัวแทนของนักเรียนนักศึกษา และผู้ปกครอง ได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิฯ ที่ให้ทุนมาอย่างต่อเนื่อง และรับปากว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

error: Content is protected !!