เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายเฉลิมศักดิ์ มณีศรี นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง พร้อมนางลลิตา มณีศรี, นายอาวุธ หนูเชตและนายณษกร กี่สิ้น รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ร่วมแถลงผลงานในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมา โดยมีการระบุ ว่า ภายหลังจากได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นช่วงที่จังหวัดภูเก็ตประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ในช่วง 2 ปีแรก จึงยังไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะจัดเก็บภาษีได้เพียง 10% เท่านั้น ทำให้ไม่มีงบประมาณในการที่จะนำไปพัฒนามากนัก แต่หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ในช่วง 2 ปีหลัง ได้มีการผลักดันและพัฒนาโครงการต่างๆ ไปกว่า 60 โครงการ เพื่อเป้าหมายทำป่าตองให้เป็นเมืองแห่งความสุข

สำหรับโครงการที่มีการนำเสนอ อาทิ โครงการปรับปรุงผิวจราจรถนนทวีวงศ์ ซึ่งเป็นถนนสายเลียบชายหาดป่าตอง ซึ่งเป็นหลุมเป็นบ่อจากโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินให้เป็นถนนที่สวยงาม รวมถึงฟุตบาทด้วย, โครงการจัดทำเต็นท์ชั่วคราวเพื่อจัดระเบียบผู้ประกอบการชายหาดป่าตอง, สร้างห้องน้ำติดแอร์เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว โครงการปรับปรุงผิวจราจรถนน 50 ปี, โครงการปรับปรุงผิวจราจรถนนเลียบคลองบางวัด,

โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณถนนทวีวงศ์, ติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกโซน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เพราะเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเมืองท่องเที่ยว นอกจากนั้น ยังได้ผลักดันให้ป่าตองเป็นเมืองที่มีความสุข โดยจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวและคนภูเก็ตได้เข้าร่วม เป็นการส่งมอบความสุขให้กับทุกคน

นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาน้ำเสีย โครงการดูแลบำรุงรักษาระบบรวบรวมบำบัดน้ำเสีย และปัญหาน้ำท่วม เรื่องนี้ตนให้ความสำคัญมาก ซึ่งในส่วนของน้ำเสีย ขณะนี้เหลือเพียงบางจุดและเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังติดขัดเรื่องการขอใช้พื้นที่ซึ่งเป็นของแขวงการทาง เพื่อติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย หากดำเนินการเสร็จก็จะแก้ปัญหาน้ำเสียได้ทั้งระบบ

ส่วนการแก้ปัญหาน้ำท่วม ในปีที่ผ่านมาป่าตองไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม เพราะได้มีการขุดลอกคลองทั้งหมด ทำให้น้ำระบายลงคลองได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างประตูน้ำของกรมโยธาธิการจนแล้วเสร็จ หลังจากการก่อสร้างล่าช้ามานานถึง 8 ปี และโครงการนำสายสื่อสารลงดิน ขณะนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว กว่า 120 ล้านบาท

และเทศบาลฯ จ่ายสมทบอีก 80 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการนำสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลลงใต้ดินในถนนอีก 5 สาย ซึ่งผ่านการทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว รอนำเข้าสภาฯ เพื่อขอใช้งบประมาณในส่วนที่เทศบาลจะต้องสมทบ ประกอบด้วย ถนนหน้าโรงแรมดวงจิตร รีสอร์ท หน้าโรงแรมฮอลิเดย์อิน ซอยบางลา ถนนหน้าโรงเรียนบ้านไสน้ำเย็น และถนนสายสำนักสงฆ์แหลมเพชร นายเฉลิมศักดิ์กล่าว

ด้าน นางลลิตา มณีศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวถึงเรื่องการศึกษา ว่า เทศบาลฯ ได้ให้ความสำคัญมาก เพราะการศึกษาสร้างคน โดยตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไป โดยเฉพาะการเรียนการสอน จัดให้มีห้องเรียน EP ตั้งแต่อนุบาล มีการพัฒนาบุคลลกร เพื่อให้การเรียนการสอนของเด็กโรงเรียนในเขตเทศบาลดีขึ้น ส่วนปัญหาน้ำประปา ที่ผ่านมาชาวบ้านบางส่วนต้องใช้น้ำ RO ของทางเทศบาล ที่มีราคาสูงถึงคิวละ 45 บาท ถือเป็นการเพิ่มภาระให้กับชาวบ้าน

เนื่องจากท่อส่งน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคส่งไปไม่ถึง หรือบางจุดชำรุด ขณะนี้เทศบาลฯ ได้ประสานกับทางการประปาส่วนภูมิภาคแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้แล้วบางส่วน ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านป่าตองสามารถมีน้ำประปาใช้กว่า 120 จุด ทำให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำในราคาที่ถูกลง ส่วนน้ำ RO นั้น กันไว้เป็นน้ำสำรองในช่วงหน้าแล้งและช่วงขาดแคลนน้ำ นอกจากนี้เทศบาลฯ ยังมีแผนที่จะปรับปรุงท่อประปาในพื้นที่ให้ดีขึ้นโดยจะเป็นตัวกลางในการประสานงาน

ขณะที่นายษณกร กี่สิ้น รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวป่าตองและนักท่องเที่ยวนั้น ทางเทศบาลฯได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะป่าตองเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก โดยได้จัดทำโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองป่าตอง จากเดิมที่กล้องมีอยู่ประมาณ 120 กล้อง และได้จัดตั้งงบประมาณติดตั้งเพิ่มเป็น 300 กว่ากล้อง เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมไปถึงมีการจัดให้มีไลฟ์การ์ดดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดตลอด 24 ชั่วโมง และจัดให้มี Free wifi บริเวณชายหาดด้วย

ส่วนของนายอาวุธ หนูเขต รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ระบุว่า เรื่องการดูแลทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเมืองป่าตอง โดยเฉพาะเรื่องขยะที่เพิ่มสูงขึ้นมากในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นมีขยะมากถึงวันละ 200 ตัน จากเดิมวันละ 150 ตัน ทำให้การจัดเก็บอาจจะมีปัญหาบ้างในการขนขยะไปยังเตาเผาที่อยู่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ ถึง 3 ชั่วโมง แต่ทางเทศบาลฯ ได้บริหารจัดการไม่ให้มีขยะตกค้างในพื้นที่ป่าตอง ไม่ให้เกิดปัญหาขยะล้นเมือง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยวได้













