เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 นายบัญญัติ คันธา รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้มาตรวจติดตามความพร้อมการอำนวยความสะดวกการเดินทางและความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร 2 จังหวัดภูเก็ต ตามโครงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566
โดยมีนายอัดชา บัวจันทร์ ขนส่งจังหวัดภูเก็ต, นายกรพิทักษ์ อาสน์สุวรรณ หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต, นายชบ ศุภสุกะ นายสถานี บขส.ภูเก็ต, ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ตและเทศบาลตำบลรัษฎา ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานข้อมูลการขนส่งผู้โดยสารในช่วงวันหยุดสงกรานต์ของจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ทางอำเภอเมืองภูเก็ตยังได้มาเก็บตัวอย่างปัสสาวะพนักงานขับรถโดยสารประจำทาง และจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อตรวจหาสารเสพติดด้วย ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่บรรยากาศภายในสถานีขนส่งฯ มีผู้โดยสารทั้งชาวไทยที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาใช้บริการ เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร และจังหวัดท่องเที่ยวเป็นระยะๆ ในการนี้ได้มีการเน้นย้ำในส่วนของพนักงานขับรถที่ต้องใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาท เพราะในระยะนี้ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว ปริมาณรถบนท้องถนนมีค่อนข้างมาก จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า การมาตรวจเยี่ยมสถานีขนส่งผู้โดยสารฯ นั้น เป็นการดำเนินการตามโครงการ ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 เริ่มมาตั้งแต่จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จนถึง จ.ภูเก็ต จากที่ได้รับรายงานจากขนส่งจังหวัดภูเก็ต, นายสถานี และเทศบาลตำบลรัษฎาว่า การให้บริการพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลักใหญ่ คือ มีจำนวนรถเพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร ปรากฏว่าเป็นไปตามนโยบาย รถที่นำมาใช้ โดยเฉพาะเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพ ซึ่งมีจำนวน 14 เที่ยวต่อวัน
และหากจำนวนดังกล่าวเต็มก็จะมีเพิ่มจำนวนรถทำให้ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ส่วนเส้นทางจังหวัดอื่นๆ เช่น สงขลา นครศรีธรรมราช ขอนแก่ เป็นต้น มีจำนวนรถที่ให้บริการปกติวันละ 72 เที่ยว แต่ในช่วงเทศกาลซึ่งมีวันหยุดได้มีการเพิ่มจำนวนเป็น 85 เที่ยวต่อวัน จึงไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้าง เพราะมีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อนแล้ว
ในส่วนของความปลอดภัยนั้นนายบัญญัติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการไปตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการขนส่งและทำการ มีการตรวจความพร้อมของรถที่นำมาให้บริการ และเมื่อมาถึงสถานีขนส่งก็จะมีการตรวจซ้ำ ทั้งในส่วนของตัวรถ พนักงานขับรถต้องแอลกอฮอล์เป็นศูนย์และมีใบอนุญาตขับรถ นอกจากนี้ในระหว่างเดินทางก็จะมีการตรวจเช็คความเร็วว่า มีการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เป็นระยะๆ เนื่องจากความเร็วเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากการตรวจ GPS แล้ว ยังมีจุดเช็คพอยท์ทั่วประเทศอีก 25 จุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความปลอดภัยในการเดินทางไปกลับ
