ข่าวสังคม » สตช.จัดเวทีเสวนาภาคใต้ เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น “ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข ป.วิ.อาญา” ต่อเนื่อง

สตช.จัดเวทีเสวนาภาคใต้ เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น “ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข ป.วิ.อาญา” ต่อเนื่อง

19 มิถุนายน 2025
64   0

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ ห้องบุตรน้ำเพชร หอประชุมชัยจินดา ตำรวจภูธรภาค 8 อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. (รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและคดี) เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ “การคุ้มครองสิทธิของประชาชน บนเส้นทางการสืบสวนสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา”

เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต่อร่าง พ.ร.บ.แก้เพิ่มเติม ป.วิ.อาญา (ร่างของ ส.ส.พรรคประชาชน) ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมี พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตรผบช.ภ.8 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ก.ร.ตร./อดีต ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับ รอง ผบช. และ ผบก.ในสังกัด ภ.8 และ ภ.9 ร่วมงานเสวนา

การจัดเวทีเสวนาครั้งนี้นับเป็นเวทีที่ 3 ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องจากเวทีในภาคกลาง (ณ โรงเรียนายร้อยตำรวจ จ.นครปฐม) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.ขอนแก่น) โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ภายในงาน ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในกระบวนการยุติธรรมร่วมอภิปราย ได้แก่ นายอมรพันธุ์ นิติธีรานนท์ อดีตผู้พิพากษา, ดร.รังสรรค์ คงทอง อาจารย์พิเศษ สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏฎเก็ต, นางรุ่งนภา พุฒแก้ว ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวนอดีต ผบก.สส.ภ.8 และ พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบช.ก.ก.9

การเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน ประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ภาคประชาชน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนพนักงานสอบสวนและข้าราชการตำรวจในสังกัดภาค 8 และ ภ.9 ภายหลังการเสวนาในภาคเช้า ยังมีกิจกรรมสัมนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อระดมความคิดเห็นต่อร่างกฎหมาย และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนข้อเสนอในการพัฒนางานสอบสวนจากผู้ปฏิบัติ

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ที่อยู่ระหว่างการหารือ มีสาระสำคัญคือ การให้อัยการมีอำนาจกำกับดูแลบดูแลงานสอบสวนมากขึ้น เช่น การให้ความเห็นชอบก่อนออกหมายเรียกหรือหมายจับ รวมถึงการกำกับการสอบสวนในคดีสำคัญ หรือที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความห่วงกังวลว่า อาจก่อให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการสอบสวนจากความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของ พงส. อัยการ และศาล

ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย เช่น ขั้นตอนการออกหมายเรียก หมายจับ ซึ่งหากนำมาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจไม่สอดดล้องกับสถานการณ์และไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านสถานการณ์และความมั่นคง นอกจากนี้ในวงเสวนายังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องของงบประมาณรัฐที่จะต้องจัดสรรเพิ่มเติมเพื่อจัดหาบุคลากร ทรัพยากร และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อรองรับภารกิจและกระบวนงานที่จะเพิ่มขึ้นจากร่างกฎหมายนี้

ประเด็นที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่มีการแลกเปลี่ยนกันในการเสวนา คือ การจะแก้ไขปัญหางานสอบสวนและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำสำนวน ระหว่างพนักงานสอบสวนและอัยการ อาจสามารถดำเนินการได้ผ่านการปรับปรุงรูปแบบการประสานงาน หรือการแก้ไขระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เหมาะสม และรวดเร็วกว่า

โดยไม่จำเป็นต้องไปแก้ไข ป.วิ.อาญา เพราะการแก้ไข ป.วิ.อาญา ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทกลับจะทำให้ไปกระทบหลักการภาพใหญ่ของระบบกฎหมายอาญาที่เป็นระบบกล่าวหาของประเทศไทยทั้งระบบโดยไม่จำเป็น และส่งผลให้เกิดความล่าช้าจากการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน และส่งผลเสียต่อประชาชนผู้เสียหาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรวบรวมผลการเสวนาทั้ง 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ เพื่อนำมาจัดทำเป็นข้อคิดเห็นอย่างเป็นทางการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอต่อต่อสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อไป

error: Content is protected !!