
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ที่แหลมพรหมเทพ ตำบลราไวย์ อ.เมือง ภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็จ พร้อมด้วย นายชลำ อรรถธรรม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายปรีชา เจนณรงค์ ปลัดเทศบาลราไวย์ และ นายศาสวัส หลิมพานิชย์ ผู้บริหารโรงเรียนดนตรียามาฮ่าภูเก็ต ร่วมติดตามความคืบหน้าการจัดสร้างผลงานประติมากรรม Moon Calendar ของศิลปินชาวแอฟริกาใต้ โนแลน ออสวอลด์ เดนนิส (Nolan Oswald Dennis) ณ แหลมพรหมเทพ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะสำคัญของเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Phuket 2025

โนแลน ออสวอลด์ เดนนิส เป็นศิลปินร่วมสมัยที่พำนักอยู่ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ผลงานของเขามุ่งสำรวจ “สภาวะทางกายภาพและอภิปัจจัยของกระบวนการปลดแอกอาณานิคม” โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพื้นที่และเวลา ผ่านการสร้างสรรค์เชิงระบบเฉพาะ เขาสำเร็จการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์ (Wits) และปริญญาโทด้านศิลปะ วัฒนธรรม และเทคโนโลยี จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)

ศิลปินกล่าวถึงผลงาน Moon Calendar ว่าเป็นประติมากรรมที่กำลังอยู่ระหว่างการติดตั้ง เปรียบเสมือน “หน้าปัดดวงจันทร์ นาฬิกาพระจันทร์ และปฏิทินพระจันทร์” ตั้งอยู่ ณ แหลมพรหมเทพ เมื่อแสงจันทร์ส่องลงบนผลงาน จะเกิดเงาและมุมมองเฉพาะตัวที่ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ โดยเขาตั้งใจให้ผู้ชม “ใช้เวลาอยู่กับมัน อยู่กับทะเล และสัมผัสความสัมพันธ์ของเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน” พร้อมสรุปหัวใจของผลงานด้วยสามคำสำคัญคือ “night, time, and wonder” (ยามค่ำคืน เวลา และความมหัศจรรย์)

ด้าน นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็จ กล่าวว่า ประติมากรรมชิ้นนี้ได้รับการสนับสนุนร่วมกันระหว่างสมาคมศิลป์ภูเก็ตและองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยศิลปินได้ทำการศึกษาวิจัยแนวคิดมาเป็นเวลานาน และเป็นผลงานที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะเมื่อถึงเวลากลางคืน มุมองศาของแสงพระจันทร์เต็มดวงจะสร้างปรากฏการณ์แสงและเงาที่งดงาม ผสานศาสตร์แห่งดาราศาสตร์ อารยธรรม และศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ตอนกลางวันผลงานเป็นประติมากรรมกลางแจ้ง และในตอนกลางคืนสามารถเรืองแสงด้วยตัวเอง สร้างความงามที่หาได้ยาก

Moon Calendar จึงเป็นอีกก้าวสำคัญของภูเก็ต ในการพัฒนาพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ ภายใต้เวที Thailand Biennale, Phuket 2025 ที่ผสานศิลป์ วิทยาศาสตร์ และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติของแหลมพรหมเทพเข้าด้วยกันอย่างงดงาม

