ข่าวสังคม » ศาลชั้นต้นยกฟ้อง คดีเจ้าของที่ดินใกล้เคียง ยื่นฟ้องผู้บริหาร “เดอะเซ็นส์เซ็ส” ข้อหาหมิ่นประมาทและบุกรุก

ศาลชั้นต้นยกฟ้อง คดีเจ้าของที่ดินใกล้เคียง ยื่นฟ้องผู้บริหาร “เดอะเซ็นส์เซ็ส” ข้อหาหมิ่นประมาทและบุกรุก

31 พฤษภาคม 2025
369   0

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีข้อพิพาทระหว่างโรงแรมเดอะเซ็นส์เซ็ส  รีสอร์ท แอนด์ พูลวิลล่า ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต กับเจ้าของที่ดินข้างเคียง โดยมีการร้องเรียนว่า โรงแรมได้ปิดทางสาธารณะ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน  และได้มีการฟ้องร้องใน 2 คดี คือ  ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของบุคคลอื่น และมีการกล่าววาจาหมิ่นประมาท ในระหว่างที่มีการโต้เถียงกันเรื่องแนวเขตระหว่างโรงแรมกับคู่กรณี ซึ่งอ้างทางฝ่ายผู้บริหารโรงแรมระบุว่า เป็นโฉนดปลอม

วันนี้ (31 พ.ค.68) นายอธิวัฒน์ แสงส้ม ทนายความซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอรุณ ละอองเพชร บิดาของนายศุภโชค ละอองเพชร หัวหน้ากลุ่มรักภูเก็ต และเป็นผู้บริหารของโรงแรมดังกล่าว ขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีหมิ่นประมาทที่คู่กรณีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาล โดยระบุว่าคำกล่าวของนายอรุณฯ ที่เป็นข้อโต้แย้งเรื่องแนวเขต ไม่เป็นการหมิ่นประมาท และไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่านายอรุณฯ กล่าวหาว่าคู่กรณีปลอมแปลงเอกสารสิทธิ หรือบุกรุกพื้นที่ใดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลยังมีความเห็นว่า การก่อสร้างโรงแรมซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 เป็นไปตามแนวเขตที่ชัดเจน ไม่มีการบุกรุกที่ดินของบุคคลอื่น และแม้ภายหลังจะมีการปิดช่องกำแพงที่เชื่อมต่อกับบ้านของคู่กรณี ก็เป็นการกระทำภายในกรรมสิทธิ์ที่ดินของโรงแรม มิใช่ทางสาธารณะ และไม่มีพฤติการณ์ใดที่เป็นการละเมิดสิทธิของคู่กรณีหรือบุคคลทั่วไป เนื่องจากยังสามารถเข้า-ออกได้ผ่านเส้นทางสาธารณะเดิมที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว

ในส่วนของแนวเขตที่ดินที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ นายอธิวัฒน์ ในฐานะทนายความ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่เป็นแนวกันชนระหว่างโรงแรมกับที่ดินข้างเคียง กว้างประมาณ 50 เซนติเมตร และมีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ถูกขายให้กับนายอรุณฯ อย่างถูกต้องตั้งแต่ปี 2552 การที่คู่กรณีนำแนวเขตมาปักหมุดจนล้ำเข้ามาในบริเวณดังกล่าว จึงเป็นประเด็นที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน หลังทางโรงแรมได้เข้าแจ้งความในข้อหาบุกรุก

ทั้งนี้ ฝ่ายโรงแรมและนายอรุณฯ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะสร้างความขัดแย้งกับผู้อยู่อาศัยในละแวกใกล้เคียง หากแต่จำเป็นต้องดำเนินการตามสิทธิอันชอบธรรมในการปกป้องที่ดินของตนเมื่อเกิดความเข้าใจผิดในแนวเขตและสิทธิครอบครอง

ในกรณีที่คู่กรณีเห็นว่าได้รับความเสียหายใด ๆ ก็สามารถใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรมได้ตามขั้นตอนทางกฎหมาย เช่นเดียวกับกรณีคดีหมิ่นประมาทที่ศาลได้วินิจฉัยอย่างชัดเจนแล้วในชั้นต้น

สุดท้าย นายอธิวัฒน์ ระบุว่า นายอรุณฯ และครอบครัวยินดีที่จะเปิดโอกาสพูดคุยกับฝ่ายคู่กรณีเพื่อหาทางออกอย่างสันติและมีเหตุผล แต่ต้องขอให้การเจรจาเป็นไปบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและความเข้าใจที่ถูกต้องในกฎหมายที่ดินและเอกสารสิทธิ มิใช่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรืออคติที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

error: Content is protected !!