แสนสิริจับมือไทยพาณิชย์ ร่วมสืบสานประเพณีถือศีลกินผัก สานต่อความมั่นคงดั่งขุนเขา สะท้อนวิสัยทัศน์การสร้างสังคมที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่อาคารเอนกประสงค์ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบเก้ง ซ.ภูธร อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และคุณสักวัฏ อิทธิสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Direct Sales Channels ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันแถลงข่าว การร่วมมือสืบสานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ปีที่ 11 ตอกย้ำเจตนารมย์ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภูเก็ต สะท้อนวิสัยทัศน์สร้างสังคมที่ยั่งยืน โดยมีตัวแทนจากศาลเจ้ากะทู้ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ศาลเจ้าบางเหนียว และศาลเจ้าสามกอง พร้อมด้วยสื่อมวลชน เข้าร่วม

นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทางแสนสิริ และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต และความสำคัญของประเพณีถือศีลกินผัก ที่ปัจจุบันเป็น Flagship Event ระดับโลก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการกระจายรายได้สู่คนในพื้นที่ นอกจากนี้ภูเก็ต ยังได้รับการคัดเลือกจาก UNESCO ให้เป็น Creative Cities of Gastronomy หรือเป็นเมืองที่มีความสร้างสรรค์ทางด้านอาหาร และยังเป็นเมืองแรกในอาเซียนที่ได้รับรางวัลดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558  และมั่นใจว่าชาวไทยและต่างประเทศที่ได้เข้าร่วมงานนี้  จะประทับใจกับอาหารที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อสุขภาพในหลากหลายรูปแบบ ตลอดจนอาหารพื้นเมืองที่มีการรังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษเช่นกัน

ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริ นับเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต จนชาวภูเก็ตให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตมากว่า 12 ปี นอกจากนี้ แสนสิริยังมุ่งมั่นร่วมสืบสาน “ประเพณีถือศีลกินผัก” ซึ่งนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภูเก็ตที่มีมาอย่างยาวนาน โดยในปีนี้แสนสิริและธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะภาคเอกชนที่มีเจตนารมย์เดียวกันในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภูเก็ตอย่างยั่งยืน ได้ผนึกความร่วมมือสนับสนุนประเพณีถือศีลกินผักต่อเนื่องเป็นปีที่ 11

“แสนสิริมีความมุ่งมั่นตามแนวคิดเป็นส่วนหนึ่งของชุมชมอย่างยั่งยืน เรามุ่งมั่นเป็นกำลังสำคัญในการเข้าร่วมประเพณีที่เก่าแก่ของจังหวัดภูเก็ต พร้อมร่วมทำประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชน โดยได้เชิญชวนครอบครัวแสนสิริแฟมิลี่ ทั่วประเทศ ร่วมถือศีลกินผัก ทำจิตใจให้สงบในช่วงประเพณีที่จะมาถึงในเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งยังได้เชิญชวนกลุ่มลูกค้าแสนสิริในจังหวัดภูเก็ต กลุ่มลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ พันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนพนักงาน เป็นจิตอาสาทำความดีร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีครั้งสำคัญนี้

โดยจะมีการร่วมกันล้างอ๊าม ทำความสะอาด 4 ศาลเจ้าใหญ่ ได้แก่ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง, ศาลเจ้าบางเหนียว, ศาลเจ้าสามกอง และศาลเจ้ากะทู้ นอกจากนี้แสนสิริยังร่วมเป็นกระบอกเสียงในการเผยแพร่ประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต ที่มีมายาวนานเกือบ 200 ปี สู่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติของแสนสิริทั้งในไทยและทั่วโลก กระตุ้นการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ตเพื่อร่วมประเพณี และผลักดันการท่องเที่ยวภูเก็ตให้คึกคักอีกด้วย”

ทางด้านนายสักวัฏ อิทธิสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Direct Sales Channels ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารไทยพาณิชย์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมกับแสนสิริ ในการสืบสานประเพณีถือศีลกินผักในจังหวัดภูเก็ตเป็นปีที่ 11 โดยในปีนี้ ธนาคารและแสนสิริ ยังได้ร่วมสนับสนุนเงินในการทำกิจกรรมสำหรับศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต มูลค่ารวมกว่า 150,000 บาท

นอกเหนือจากความร่วมมือในครั้งนี้  ธนาคารยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในจังหวัดภูเก็ตผ่านโครงการ SCB ชวนกันทำดี โดยเปิดโอกาสให้ทั้งผู้บริหารและพนักงาน ร่วมทำงานจิตอาสาเพื่อประโยชน์ต่อชุมชนส่วนรวมตลอดจนเชิญชวนลูกค้าของธนาคารเข้าร่วมกิจกรรมอันเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน”

สำหรับประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกกันว่า เจี๊ยะฉ่าย เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ได้รับการ สืบทอดกันมายาวนานและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่าง 15 ตุลาคม 2566 – 23 ตุลาคม 2566 อย่างเต็มรูปแบบและภายใต้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด การสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวจังหวัดภูเก็ตนี้ได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปี

โดยการละเว้นการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต รักษาศีล สำรวมกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ ถือเป็นการเจริญเมตตากรุณา นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว นอกจากนี้ประชาชนทั่วไปยังสามารถร่วมชมพิธีกรรมสำคัญต่างๆ มากมาย อาทิ พิธียกเสาโกเต้ง, พิธีพิธีโข้กุ้น (เลี้ยงทหาร), พิธีส่งเก้ง (สวดมนต์), โก๊ยโห้ย (ลุยไฟ), พิธีอิ้วเก้ง (แห่พระ), พิธีส่งหยกอ๋องส่องเต่ ส่างกิ้วอ๋อง (ส่งพระ) เป็นต้น

ประเพณีถือศีลกินผักปีนี้ แสนสิริ และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังได้มีการออกแบบภาพการสื่อสารหลัก ภายใต้แนวคิด “ขุนเขา” ซึ่งมีความหมายถึง ความมั่นคงและสงบสุข อวยพรให้ชาวภูเก็ต มีความมั่นคงดั่งขุนเขา อิ่มบุญ อิ่มใจ พร้อมมีโชคลาภและความสุข อย่างไม่มีที่สิ้นสุดในประเพณีถือศีลกินผักปีนี้ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน ตอกย้ำเจตนารมย์ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภูเก็ต สะท้อนวิสัยทัศน์การสร้างสังคมที่ยั่งยืน” 

อบต.กมลา เร่งขุดลอกคลองทั้งตำบล แก้ปัญหาน้ำท่วม

นายจุฑา ดุมลักษณ์ นายกอบต.กมลา มอบหมายให้ นายสันทัด คุ้มมิตร รองนายก อบต.กมลา ปฏิบัติหน้าที่ตรวจและควบคุมงานขุดลอกคลองหัวควน ที่มีความยาวตลอดคลองประมาณ 2 กม. ไหลผ่านพื้นที่หมู่ 3 และหมู่ 5 ตำบลกมลา เพื่อกำจัดขยะ วัชพืช และสิ่งกีดขวางทางน้ำต่างๆ แก้ปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน รวมถึงเพื่อความสะอาดและสวยงามของคลองสาธารณะในพื้นที่

ทั้งนี้ รองนายก อบต.กมลา ยังได้ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ร่วมกันดูแลความสะอาด งดทิ้งสิ่งของต่างๆ ลงในลำคลอง และหากหากมีความจำเป็นต้องทิ้งสิ่งของที่ชำรุดไม่สามารถใช้งานได้แล้ว โดยเป็นสิ่งของที่มีขนาดใหญ่เช่น เตียง ฟูกที่นอน หรืออื่นๆ สามารถแจ้งมายัง อบต.กมลา เพื่อกำหนดนัดหมายเวลาในการจัดเก็บและกำจัดสิ่งของเหล่านั้น โดย อบต.กมลาจัดให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้สัปดาห์ละ 1 วัน

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชาร์เตอร์ หารือเตรียมการเปิดตลาดถนนพังงา

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ นายเผด็จ วุฒิชาญ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชาร์เตอร์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ร่วมประชุมหารือเรื่องการเปิดตลาดถนนพังงา เพื่อให้พื้นที่ย่านถนนพังงามีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการต่อยอดจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของจังหวัดภูเก็ต โดยจะเริ่มเปิดตลาดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดอบรม Whoscall รู้ทันทั่วไทย X Cyber Vaccinated รู้ทันกลโกง “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน”

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุม MS Convention Hall 300 ที่นั่ง อาคารคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดการอบรม Whoscall รู้ทันทั่วไทย X Cyber Vaccinated โดยมี พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดร.บุญศุภภะ ตัณฑัยย์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารพันธกิจสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นายกชศร ใจแจ่ม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท โกโกลุ๊ค ประเทศไทย มีบุคลากร นิสิต นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผู้เข้าร่วมการอบรม

ทั้งนี้ พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายสำคัญที่จะให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งในมิติ On GROUND และ On LINE โดยเฉพาะในสังคมยุคดิจิทัล อาชญากรรม ทางเทคโนโลยี Cyber Crime หรืออาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเปรียบเสมือนการแพร่ระบาดของโรค มีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายและรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีส่วนสำคัญมากในการขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมที่แตกต่างจากเดิม การใช้ชีวิตของคนทุกวันนี้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ คนที่สามารถเข้าถึงและมีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี จึงมีความได้เปรียบในการใช้ชีวิตหรือการดำเนินการในเรื่องต่าง ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอ ทั้งในด้านดีและด้านไม่ดี เทคโนโลยีสามารถทำให้คนใช้ชีวิตได้ง่ายและสะดวกกว่า แต่หากมีผู้นำไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นและสังคม ซึ่งที่พบเห็นอยู่บ่อยๆ ในขณะนี้ก็คือ กลุ่มมิจฉาชีพใช้ความเชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีหลอกลวงผู้อื่น ทางระบบออนไลน์ สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก การสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดไม่สามารถทำให้โดยง่ายและต้องใช้ระยะเวลา เพราะเครือข่ายของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ มีความสลับชับซ้อน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกหลอกลวง ผ่านระบบออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบุคคลที่ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลข่าวสาร

พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ยังกล่าวอีกว่า เฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.66 มีสถิติคดีออนไลน์ จำนวน 3,136 คดี หรือเฉลี่ย 6.83 เรื่องต่อวัน ผู้เสียหายเป็นเพศหญิง 62.09 % อายุ 31 – 40 ปี 39.35 % อาชีพรับจ้าง 33.83 % ส่วนนักเรียน นักศึกษา 7.72 % ตั้งแต่ กลางเดือน มิ.ย.66 เป็นต้นมา ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จึงเริ่มดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ภัยจากอาชญกรรมออนไลน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และทำแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์ สำหรับประชาชน

ภายหลังจากประชาชนความเกิดความรับรู้ เกิดภูมิคุ้มกัน รู้ทันกลโกง “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” พบว่า สถิติคดีออนไลน์ตั้งแต่เดือน ก.ค.66 จึงลดลงเป็นจำนวนมาก โดยระหว่างเดือน ก.ค. – ก.ย.66 คดีลดลง 201 คดี คดีที่มีการแจ้งความมากที่สุด คือ การหลอกให้ขาย-ซื้อสินค้าหรือบริการ รองลงมา คือ คดีหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ และอันดับ 3 คือ การหลอกให้กู้เงิน

ดังนั้นการอบรม Whoscall รู้ทันทั่วไทย X Cyber Vaccinated ในครั้งนี้จึงเป็นโครงการ ที่จะมาให้ความรู้ สร้างความรับรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน หรือที่เรียกกันว่า ไซเบอร์วัคซีน เพื่อป้องกัน การถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทางออนไลน์ ให้กับบุคลากร นิสิต นักศึกษา ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ให้รู้เท่าทันกลอุบายของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการถูกหลอกลวงได้โดยง่าย ให้ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและช่องทางในการติดต่อขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อตกเป็นเหยื่อของการถูกหลอกลวง และทุกคนจะมีส่วนสำคัญ ที่จะสามารถนำความรู้ ไปถ่ายทอดให้แก่บุคลากรในองค์กร คนในครอบครัว และบุคคลที่มีความใกล้ชิด ไม่ให้ถูกเป็นเหยื่อ ของการถูกหลอกลวงได้

BDMS Phuket ทุ่ม 300 ล้านบาท เปิด ศูนย์มะเร็งภูเก็ต (Phuket Cancer Center) ให้บริการรังสีรักษาแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่บริเวณห้องโถงชั้น 3 อาคาร 5 โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์ภูเก็ต นายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 6 บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพวัฒโนสถ ร่วมให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ในโอกาสร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ“ศูนย์มะเร็งภูเก็ต” (Phuket Cancer Center) ศูนย์รังสีรักษาแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่อันดามัน

ทั้งนี้ นายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 6บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงจุดเริ่มต้นและที่มาของศูนย์มะเร็งภูเก็ต (Phuket Cancer Center) ว่า “ปัจจุบันแม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ประชาชนมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น แต่ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB) ปี 2564 พบว่า โรคมะเร็งและเนื้องอก คือ สาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยอันดับสูงสุดตลอด 23 ปีที่ผ่านมา โดยในแต่ละปีอัตราดังกล่าวยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะที่ BDMS Phuket ซึ่งประกอบด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์ และโรงพยาบาลดีบุก เป็นเครือข่ายสถานพยาบาลที่ดูแลสุขภาพชาวภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงมาอย่างยาวนาน จึงได้มีการติดตามตัวเลขสถิติผู้ป่วยมะเร็งอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด พบว่า สถิติผู้ป่วยมะเร็งภาคใต้ ที่มีภูมิลำเนาในเขตสุขภาพ 11 ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ระนอง และภูเก็ต โดย 3 อันดับมะเร็งในเพศชาย ประกอบด้วย มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้และทวารหนัก มะเร็งต่อมลูกหมาก ขณะที่ 3 อันดับในเพศหญิง คือ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้และทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก

ซึ่งโรคมะเร็งดังกล่าวจำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมด้วยทั้งสิ้น แต่เนื่องจากศูนย์ให้บริการรังสีรักษาตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกเป็นหลัก จึงทำให้คณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจดำเนินโครงการ “ศูนย์มะเร็งภูเก็ต” (Phuket Cancer Center) ขึ้น เพื่อให้คนภูเก็ตและในพื้นที่อันดามันได้เข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และมีผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ Medical and Wellness Destination ของจังหวัดภูเก็ตในฐานะที่เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อีกด้วย” 

นายแพทย์นรินทร์ บุญจงเจริญ กล่าวต่อไปว่า “ศูนย์มะเร็งภูเก็ต (Phuket Cancer Center) จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2566 ณ โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์ ภายใต้งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ในพื้นที่ 1,030 ตารางเมตร ออกแบบภายใต้แนวคิดสิ่งแวดล้อมเพื่อการเยียวยา (Healing Environment) เพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกผ่อนคลาย ประกอบด้วยห้องให้คำปรึกษา โดยแพทย์รังสีรักษาเฉพาะทางใช้เทคโนโลยีการวางแผนการรักษาด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed Tomography Simulator) 

และให้บริการรังสีรักษาด้วยเครื่องฉายรังสีด้วยการเร่งอนุภาพ (LINAC Accelerator) เครื่องให้รังสีระยะสั้น (High Dose Rate Brachytherapy) และห้องประชุมออนไลน์ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Teleconference) สำหรับวางแผนการรักษาร่วมกับโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ โดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2567”

“โรคมะเร็งเป็นภาวะเจ็บป่วยที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว เพื่อควบคุมระยะและการแพร่กระจายของโรคแต่ด้วยขั้นตอนการส่งตัวตามระบบเครือข่าย และความหนาแน่นของปริมาณผู้ป่วยที่แตกต่างกันในแต่ละโรงพยาบาลทำให้เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษาได้โดยเร็ว ซึ่งศูนย์มะเร็งภูเก็ต มีนโยบายดูแลผู้ป่วยทุกสิทธิการรักษา ประกอบด้วย ผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง), สิทธิข้าราชการ และสิทธิประกันสังคม ตลอดจนจะเข้าร่วมโครงการ Cancer Anywhere ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่อันดามัน ให้สามารถเข้ารับการรักษาตัว ณ ศูนย์มะเร็งภูเก็ต ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาไกลบ้านอีกต่อไป สำหรับประชาชนคนไทยที่ไม่ถูกคุ้มครองภายใต้สิทธิการรักษาข้างต้น ก็สามารถอุ่นใจได้ เนื่องจากค่าบริการของศูนย์มะเร็งภูเก็ต (Phuket Cancer Center) จะอยู่ในอัตราเทียบเท่าหรือใกล้เคียงโรงพยาบาลภาครัฐ” นายแพทย์นรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย 

ขณะที่ ศาสตราจารย์พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวเพิ่มเติมถึงความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลในการจัดตั้งศูนย์มะเร็งภูเก็ต (Phuket Cancer Center) ว่า “ด้วยประสบการณ์การเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถมีแผนในการขยายการบริการของศูนย์มะเร็งไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์มะเร็งภูเก็ตเป็นหนึ่ง ในโครงการดังกล่าว โดยโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ ได้ให้การสนับสนุน ตั้งแต่การฝึกประสบการณ์ด้านการรักษาให้แก่ทีมแพทย์รังสีรักษา พยาบาลรังสีรักษา นักฟิสิกส์ และนักรังสีเทคนิค

ไปจนถึงการร่วมออกแบบตัวอาคาร กระบวนการบริการที่คำนึงถึงประสบการณ์ที่ดีของผู้รับบริการ (Patient Experience) การเลือกเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์มะเร็งภูเก็ต (Phuket cancer Center) จะเป็นศูนย์รังสีรักษาที่ทำให้คนภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้ารับบริการได้อย่างทันท่วงที อันจะช่วยส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” 

ศูนย์การค้าจังซีลอนป่าตอง สนับสนุนกิจกรรมสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง

คุณทัศนีย์ เทพประเสริฐวังศา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลครั้งที่ 31 ประจำปี 2566 โดยสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง (PHA) เพื่อร่วมสนับสนุนการทำกิจกรรมเพื่อสังคมท้องถิ่น จำนวนเงิน 10,000 บาท โดยมี คุณทิพย์ชลิตา ศิริทวีรัตน์ นายกสมาคมโรงแรมหาดป่าตองและคุณวันดี​ เสนามสร​ ผู้จัดการสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง ร่วมรับมอบ

อควาเรียภูเก็ต คว้ารางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (กินรี) ประจำปี 2566

เมื่อเร็วๆนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 254 ราย ณ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพมหานคร

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. จึงได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล (Beyond Standard) ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism)

โดยการประกวดรางวัลกินรีในครั้งนี้ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและสวนสัตว์  อควาเรียภูเก็ต ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลถ้วยเงิน โดยมีนายธนวรรธน์ วาสิการ Pr&Marketing Executive เป็นตัวแทนรับพระราชทานรางวัลในวันดังกล่าว  อควาเรียภูเก็ต เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2562 จนถึงปัจจุบัน

โดยมี Mr.Vicky Lethirapathy Senior Vice President เป็นผู้บริหาร ในการได้รับรางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลที่บ่งบอกถึงมาตรฐานการให้บริการที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจมาใช้บริการมาตลอด 4 ปี จนกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 5  ซึ่งอควาเรียภูเก็ตมีนโยบายในการเพิ่มการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ตรงตามกำหนดของรางวัลกินรีอย่างดียิ่งขึ้นไป

โครงการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือ รางวัลกินรี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้กระจายสู่เศรษฐกิจของประเทศในทุกระดับอย่างกว้างขวางและทั่วถึง รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงความสมดุลสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

ธนชาตประกันภัย ร่วมสืบสานประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต ต่อเนื่องปีที่ 2

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่อาคารพิพิธภัณฑ์เพอรานากันนิทัศน์ นายคงศักดิ์ หาญแสวงสิน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานผลิตภัณฑ์ประกันภัย บมจ.ธนชาตประกันภัย พร้อมด้วยผู้บริหารธนชาติสาขาต่างในจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันมอบเสื้อที่ใช้ในการประกอบพิธีและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในประเพณีถือศีลกินผักประจำปี 2566 ให้กับประธานและคณะกรรมการศาลเจ้าจำนวน 6 ศาลเจ้า ประกอบด้วย ศาลเจ้ากระทู้  ศาลเจ้ากวนอูนาบอน  ศาลเจ้ากิ้วเทียนเก้ง สะพานหิน ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง ศาลเจ้าปุดจ้อ และศาลเจ้าบางเหนียว นำโดยนายกิตติวงค์ จันทร์สัทธรรม นายกสมาคมอ๊ามภูเก็ต

ซึ่งทางธนชาตประกันภัย บริษัทประกันภัยที่มีการบริหารดีเด่น ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการจัดงานประเพณีถือศีลกินผัก จังหวัดภูเก็ต ต่อเนื่องปีที่ 2 ชวนคนไทยอิ่มบุญสุขใจระหว่างวันที่ 15 – 23 ตุลาคม 2566 ตอกย้ำเจตนารมย์มุ่งมั่นสืบสานงานประเพณีของท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ให้การสนับสนุนกิจกรรมและพิธีกรรมของ 6 ศาลเจ้า เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน ฟื้นการท่องเที่ยวภูเก็ตให้มีความคึกคักในช่วงเทศกาลปีนี้ ต่อยอดสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น และสนองนโยบายภาครัฐผลักดันการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นายคงศักดิ์ หาญแสวงสิน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานผลิตภัณฑ์ประกันภัย บมจ.ธนชาตประกันภัย กล่าวว่า ในฐานะภาคเอกชนที่มุ่งมั่นเจตนารมย์ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกับการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน มีความตั้งใจในการมีส่วนร่วมกับชุมชนและร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม อย่างประเพณีถือศีลกินผัก ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดภูเก็ตที่มีมาอย่างยาวนาน โดยเทศกาลปีนี้ ธนชาตประกันภัยได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจที่ดีอย่างทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสืบสานประเพณีถือศีลกินผักต่อเนื่อง

สนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมช่วงเทศกาลสำหรับ 6 ศาลเจ้า ได้แก่  ศาลเจ้ากระทู้  ศาลเจ้ากวนอู บ้านนาบอน  ศาลเจ้ากิ้วเทียนเก้ง สะพานหินศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง ศาลเจ้าปุดจ้อ  และศาลเจ้าบางเหนียว นอกจากนี้ พนักงานของธนชาตประกันภัยและทีทีบี จะร่วมเป็นจิตอาสาช่วยสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้การจัดงานสืบสานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ สามารถรองรับประชาชนเชื้อสายจีนและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่จะเดินทางมาร่วมงานได้เป็นอย่างดี และยังสนับสนุนในการช่วยประชาสัมพันธ์ประเพณีถือศีลกินผักผ่านทางช่องทางการสื่อสารต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ตให้มีความคึกคักในช่วงเทศกาลปีนี้อีกด้วย

“เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของประเพณีอันเป็นมงคลนี้ และได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเทศกาลถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ในปีนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมรักษาศีล ทำจิตใจให้ผ่องใส ตั้งมั่นในสิ่งอันเป็นมงคล และใช้วาระนี้ถือโอกาสเป็นการใส่ใจสุขภาพในการกินร่วมด้วย และขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณลูกค้า และคู่ค้าทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของธนชาตประกันภัยมาโดยตลอด และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้รับรางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารดีเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 เราจะรักษามาตรฐานการบริหารและบริการที่ดีเลิศไว้ พร้อมๆ กับการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าและสร้างสังคมที่ยั่งยืนไปด้วยกัน” นายคงศักดิ์ กล่าว

ประเพณีถือศีลกินผัก 2566 (PKUKET VEGETARIAN FESTIVAL) หรือ “เจี๊ยะฉ่าย” ได้รับประกาศจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขึ้นบัญชี “มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ.2561 ด้านการปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล” ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ตามปฏิทินจีนของทุกปี เป็นเวลา 9 วัน โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 15 – 23 ตุลาคม 2566 เป็นประเพณีเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ชาวจังหวัดภูเก็ตได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปี

โดยการละเว้นการเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต รักษาศีล สำรวมกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ ถือเป็นการเจริญเมตตากรุณา นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมชมพิธีกรรมสำคัญของศาลเจ้า หรือ อ๊าม ต่างๆ มากมายตลอดเดือนตุลาคมนี้ อาทิ พิธียกเสาโกเต้ง, พิธีส่งเก้ง (สวดมนต์), พิธีอิ้วเก้ง (แห่พระ), พิธีโข้กุ้น (เลี้ยงทหาร), พิธีโก๊ยโห้ย (ลุยไฟ), พิธีส่งพระกิ้วอ๋องต่ายเต่ และหยกอ๋องส่องเต่

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดีๆ ของธนชาตประกันภัย ได้ที่ Line Official Account “ธนชาตประกันภัย” และเฟซบุ๊กธนชาตประกันภัย Thanachartinsurance – TNI

“บลูทรี ภูเก็ต” ร่วมฉลองปิดเทอม“Blue Tree SCHOOL’S OUT” ในราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท

ใกล้จะปิดเทอมแล้ว ผู้ปกครองก็ว้าวุ่นกันเลยงานนี้ บลูทรี ภูเก็ต (Blue Tree Phuket) เลยจัดให้ เอาใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ได้มาสนุกฉลองวันหยุดไปด้วยกัน กับโปรโมชันสุดคุ้ม “Blue Tree SCHOOL’S OUT” ไม่ว่าจะเป็นสายอุ่นเครื่องชิลๆ หรือสายเอาเรื่องแบบเแอดเวนเจอร์ ก็มันส์ไปกับกิจกรรมสุดโลดโผน อาทิ ซูเปอร์ฟลาย (Superfly) ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย กระโดดหน้าผา โหนสลิง ฯลฯ 

นอกจากนี้ ครอบครัวที่มีเด็กเล็กอายุไม่เกิน 6 ปี  ก็สามารถปักหมุดจุดเครื่องเล่นเบาๆ อย่างโซน Tarzan and Jane กันได้ เล่นจนหิว ก็หิ้วท้องมาอิ่มอร่อยไปกับอาหารหลากหลาย และเพลิดเพลินกันต่อกับกิจกรรมอีกมากมาย เรียกว่าได้ทั้งความสนุกและได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์อีกด้วย

เตรียมวอร์มร่างกายให้พร้อม แล้วจูงมือกันมาจอยๆ แบบจุกๆ ในราคาจิ๊บๆ เริ่มต้นเพียง 99 บาท (สำหรับน้องๆ 7 – 12 ปี) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 19 พฤศจิกายน นี้ เท่านั้น! ณ บลูทรี ลากูน บลูทรี ภูเก็ต ซื้อบัตรได้ที่ https://bluetree.fun/tickets/  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 076-602435

หมายเหตุ

  • เด็กชาวไทยและเรสซิเดนท์ (อายุ 7-12 ปี) ราคา 99 บาท
  • ผู้ใหญ่ชาวไทยและเรสซิเดนท์ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) ราคา 499 บาท
  • เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี และผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เข้าฟรี!
  • ตั๋วที่ซื้อสามารถใช้ได้วันต่อวัน และใช้ได้จนถึง 19 พฤศจิกายน 2566 เท่านั้น

#บลูทรีลากูน #BlueTreeLagoon #Promotion #SCHOOLSOUT #โปรโมชั่น #ปิดเทอม

#บลูทรี #ภูเก็ต #บลูทรีภูเก็ต #BlueTree #Phuket #BlueTreePhuket

#Entertainmenthub #ThrillandChill #DayandNight

เฉลิมฉลองวันชาติจีน ครบรอบ 74 ปี และสถาปนาคณะกรรมการสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดภูเก็ต

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้  สมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีน จังหวัดภูเก็ต โดยนางธันยรัศม์ อิจฉริยฉาย ประธานสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการฯ ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติจีนครบรอบ 74 ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และพิธีสถาปนาคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีน จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 35

โดยมีนางเมิ้งเหมียน รองกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา, นางเสินผิง รองกงสุล สาธารณัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดภูเก็ต, นายเลืองศักดิ์ คงเดช ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดภูเก็ต, นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายอานุภาพ เวชวนิชสนอง รองนายก อบจ.ภูเก็ต, นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานมูลนิธิล็อกเซียนก๊ก, นายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ตทั้ง 9 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมแต้จิ้ว, สมาคมฮกเกี้ยน, สมาคมไหหลำ, สมาคมกวางตุ้ง, สมาคมภูเก็ตไทยหัว, สมาคมหัวเฉียว, สมาคมพ่อค้าจังหวัดภูเก็ต, สมาคมฮากกา, สมาคมฮกจิ้ว และสมาคมยูฯนาน ตลอดจนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมจำนวนมาก

หลังจากการกล่าวเฉลิมฉลองวันชาติจีน ครบรอบ 74 ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน แล้ว นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดภูเก็ต วาระปี 2565-2566 ได้ส่งมอบตำแหน่งประธานสมาพันธ์ฯ วาระปี 2566-2567 ให้กับนายอวยชัย องค์วิมลการ ประธานสมาคมหัวเฉียว ในการดำนินการต่อ โดยมีนายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนนายกสมคมฯ ต่างๆ ร่วมมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดี นอกจากนี้ยังมีการแสดงวงออเคสตร้า และชุดการแสดงจากโรงเรียนภูเก็ตไทยหัวอาเซียนวิทยาด้วย

นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดภูเก็ต วาระปี 2565-2566 กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน ว่า เพื่อให้ลูกหลานซาวไทยเชื้อสายจีนของภูเก็ตได้น้อมระลึกถึงแผ่นดินจีน แผ่นดินเกิดของบรรพบุรุษ เมื่อประมาณเกือบ 200 กว่าปี บรรพบุรุษปู่ย่าตายายของเรา ได้นั่งเรือสำเภาอพยพมาอาศัยแผ่นดินไทยของพระเจ้าอยู่หัว และเกาะภูเก็ตที่อุดมสมบูรณ์จนเกิดลูกหลาน ได้ทำการเพาะปลูก เหมืองแร่ ทำมาค้าขาย ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเกาะภูเก็ตและประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองสงบสุข มาถึงปัจจุบัน

ซึ่งบรรพบุรุษจีน ได้เน้นอบรมสั่งสอนให้รู้จักกตัญญตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด คือ แผ่นดินไทย พระมหากษัตริย์ และจังหวัดภูเก็ต ทุกปีพวกเราจะร่วมกันจัดงานนี้ เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์,ระหว่างพี่น้องชาวจีน รัฐบาลจีน และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนที่อยู่ในประเทศไทย และภูเก็ตที่เคยช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามเกิดวิกฤตประสบภัยธรรมชาติ ทั้ง 2 ประเทศ คือสึนามิในประเทศไทย อุทกภัยครั้งใหญ่ที่มณฑเสฉวน เราไทยจีนพี่น้องกัน และเพื่อรวมพลังความรักสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันได้ทุกเชื้อชาติทุกศาสนา พุทธ อิสลาม จีน อินเดีย และอื่นๆ ให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในภูเก็ต

ด้านนางเมิ้งเหมียน รองกงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลาใจ กล่าวว่า ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เป็นตัวแทนของท่าน กงสุลใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำสงขลามาร่วมงานฉลองครบรอบ 74 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และครบรอบ 35 ปี การสถาปนาสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดภูเก็ต และพิธีสถาปนาประธานสมาพันธ์ประจำปี 2566-2567

ซึ่ง 74 ปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รวมตัวกันนําพาประชาชนทุกชนชาติทั่วประเทศให้ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทำให้ทั่วโลกจับตามอง ถือเป็นหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ประเทศจีนในปัจจุบันมีความเจริญรุ่งเรือง มีชีวิตชีวา ประชากร 850 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน อายุขัยเฉลี่ยต่อคนมากกว่า 78 ปี จีนได้สร้างสังคมที่มีความอยู่ดีกินดีตามกำหนดเวลา บรรลุเป้าหมายการต่อสู้ 100 ปีวาระแรก เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นประเทศผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดและการค้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก

ภายใต้การนำอันแข็งแกร่งของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมีท่านสี จิ้น ผิง เป็นแกนหลัก ประชาชนทุกชนชาติทั่วประเทศยึดมั่นในแนวทางสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน ส่งเสริมการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน และสร้างสรรค์ประเทศสังคมนิยมแบบทันสมัยอย่างรอบด้าน และกำลังก้าวไปสู่เป้าหมายการต่อสู้ 100 ปีวาระที่สอง

จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้าน เพื่อน ญาติมิตร และหุ้นส่วนที่ดี ทั้งสองประเทศมีประวัติการไปมาหาสู่กันอย่างยาวนาน ประชาชนของทั้งสองประเทศได้สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกัน จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับไทย เมื่อปีที่แล้วประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มาเยือนไทย ทั้งสองประเทศได้ประกาศสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ชี้ให้เห็นถึงทิศทางความสัมพันธ์จีน-ไทยในยุคใหม่ สร้างมิติใหม่ให้กับประโยคที่ว่า “ จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน ”

สำหรับสมาพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดภูเก็ตในฐานะเป็นองค์กรชาวจีนโพ้นทะเลที่สำคัญในภาคใต้ของไทย ทุ่มเทในการสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจของภูเก็ต ใส่ใจในเรื่องกุศลและสาธารณะ สร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมท้องถิ่น จนเกิดประโยชน์สำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพที่ดีระหว่างจีนกับไทย ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กงสุลจีนได้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาพันธ์ฯ  และขอแสดงความยินดีเป็นอย่างสูงให้กับนายอวยชัยฯ นายกสมาคมหัวเฉียวภูเก็ต ประธานสมาพันธ์ประจำปี 2566-2567

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านประธานจะนำพาสมาชิกสมาพันธ์ทุกคน ส่งเสริมจิตวิญญาณที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างสรรค์สมาพันธ์ให้ก้าวขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เราจะร่วมมือกับเพื่อนทุกท่าน ส่งเสริมการพัฒนาของสมาพันธ์อย่างนี้ตลอดไป และขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อเพื่อนทุกภาคส่วนที่อุทิศตนเพื่อมิตรภาพ สนับสนุนการทำงานของกงสุลจีนมาอย่างยาวนาน เราขอร่วมมือร่วมใจกับทุกภาคส่วนของภูเก็ตเพื่อสร้างอนาคตอันสดใสของสองประเทศ และขออวยพรมให้จีนและไทยมีความเจริญรุ่งเรือง ขอให้มิตรภาพจีน-ไทยที่แน่นแฟ้นจะอยู่ตลอดต่อๆ ไป